Phol Dhanya PCL.

ผลธัญญะ เสริมความมั่นคงธุรกิจ ตอบโจทย์ Business Continuity Plan ด้วย Hybrid Cloud ในไทย

บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2504

โดยมีวัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อจำหน่ายเมล็ดธัญพืชและสินค้าทางการเกษตร กระทั่งในปี 2521 บริษัทได้เปลี่ยนประเภทธุรกิจมาเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กว่า 40 ปี บริษัทถือเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างครบวงจร

 

DISASTER RECOVERY TO CLOUD

ไม่ว่าธุรกิจจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ การวางแผนเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานไปได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดเหตุภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ นั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญ และบริษัท ผลธัญญะ (มหาชน) จำกัดเองก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับ Business Continuity Plan หรือ BCP เป็นอย่างมาก จึงได้มีการลงทุนปรับปรุงระบบ Data Center ที่มีอยู่ให้กลายเป็น Hybrid Cloud อย่างเต็มตัว เพื่อรองรับการทำ BCP ให้ได้อย่างยืดหยุ่น รองรับได้ทุกสถานการณ์ที่อาจคาดไม่ถึงในอนาคต

ผลธัญญะ ผู้นำธุรกิจด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมในการทำงาน และระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค

ก่อนจะเข้าถึงเรื่องราวของการทำ BCP และการทำ Hybrid Cloud เรามาทำความรู้จักกับธุรกิจของผลธัญญะที่หลายๆ บริษัทในไทยน่าจะได้เป็นลูกค้ากันมาบ้างไม่มากก็น้อยกันก่อนครับ

บริษัท ผลธัญญะ (มหาชน) จำกัด หรือผลธัญญะ ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2504 โดยแรกเริ่มนั้นธุรกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายเมล็ดธัญพืชและสินค้าทางการเกษตร จนกระทั่งปี 2521 ทางบริษัทได้เปลี่ยนมาเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแทน และในปี 2552 ก็ได้เริ่มขยายธุรกิจมาสู่ระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ดังนั้นโดยสรุปแล้วสินค้าและบริการของผลธัญญะจึงแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดหมู่ใหญ่ๆ ดังนี้

1.) กลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Occupational Safety, Health and Environment Products) หรือ SAFETY

คือกลุ่มสินค้าสำหรับสร้างความปลอดภัยให้ผู้ปฏิบัติงานหรือเสริมความปลอดภัยให้สถานที่ทำงาน เช่น หมวกนิรภัย, แว่นตนิรภัย, ที่อุดหู, หน้ากากป้องกันฝุ่นและสารเคมี, ถุงมือนิรภัย, รองเท้านิรภัย, ชุดผจญเพลิง, อุปกรณ์ป้องกันภัยอื่นๆ, เครื่องตรวจวัดแก๊สพิษและแก๊สไวไฟในอากาศ, อุปกรณ์ชำระล้างตาและลำตัวฉุกเฉิน, อุปกรณ์จัดเก็บ ขนย้าย และถ่ายเทสารเคมี, อุปกรณ์ถ่ายเทอากาศ, อุปกรณ์ล็อกนิรภัย, ป้ายเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น

สินค้าในหมวดหมู่นี้ของผลธัญญะมีมากกว่า 3,000 รายการจากผู้ผลิตชั้นนำทั่วโลกและแบรนด์ของตนเองในไทยกว่า 30 แบรนด์

2.) กลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม (Control Environment Products) หรือ CE

คือกลุ่มสินค้าสำหรับการควบคุมสภาพแวดล้อมและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน เช่น ห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล, ห้องปลอดเชื่อในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์, ชิ้นส่วนรถยนต์, ผลิตยา, ผลิตเครื่องมือแพทย์ และอื่นๆ เพื่อให้ปลอดจากสิ่งปนเปื้อน, อนุภาคขนาดเล็ก และฝุ่นละอองต่างๆ โดยตัวอย่างสินค้านั้นก็ได้แก่ ชุดและอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ในห้องคลีนรูม และอุปกรณ์สำหรับห้องคลีนรูม

3.) กลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค (Water Solution Products) หรือ WATER

คือกลุ่มสินค้าและบริการครบวงจรสำหรับการบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคทั้งสำหรับครัวเรือน, อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านอุปรกณ์และสารกรองตะกอน, เครื่องสูบน้ำ, ถังเก็บน้ำ, ระบบบำบัดน้ำชุดอุปกรณ์สำเร็จ, เครื่องกรองน้ำสำเร็จรูป ไปจนถึงการออกแบบ, ผลิต และติดตั้งระบบทั้งหมดให้พร้อมใช้งานได้ภายในอาคารพาณิชย์หรือโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง ที่ผลธัญญะมีให้เลือกได้ทั้งในรูปแบบของการให้บริการก่อสร้าง หรือการให้บริการจำหน่ายน้ำจากระบบำบัดน้ำให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ต้องลงทุนในระบบบำบัดน้ำด้วยตนเอง

ปัจจุบันนี้หุ้นของผลธัญญะถูกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อ PHOL โดยผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของผลธัญญะได้ที่ http://www.pdgth.com/

เมื่อระบบ IT กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ แผนและนโยบายด้าน BCP ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

คุณมานะชัย พรหมบัวดี ผู้จัดการแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และคุณกิตติศักดิ์ วงศ์บุญมา หัวหน้าส่วนดูแลระบบ แห่งผลธัญญะ ได้เปิดเผยในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ว่าจากการที่ธุรกิจของผลธัญญะดำเนินมาเป็นเวลานานและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขยายกิจการอยู่ตลอด ทางผลธัญญะเองก็ได้มีการนำระบบ Enterprise Resource Management หรือ ERP และระบบ Business Application อื่นๆ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการการทำงานในทุกๆ แผนกให้เป็นระบบ เรียกได้ว่าการทำงานในทุกวันนี้จะขาดระบบ Software เหล่านี้ไปไม่ได้เลย

ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ผลธัญญะ ที่ต้องการให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันรูปแบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในเมืองไทยได้ โครงการด้านการทำ Business Continuity Plan หรือ BCP เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่สะดุดไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นมาจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของทั้งองค์กร รวมถึงแผนก IT ด้วยเช่นกัน

เหตุนี้เอง ทางฝ่าย IT ของผลธัญญะจึงได้ริเริ่มแผนการทำ Disaster Recovery หรือ DR เพื่อตอบโจทย์ด้าน BCP นี้กันอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา

ตัดสินใจใช้ Cloud ในประเทศไทยทำ Disaster Recovery ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน เพิ่มความยืดหยุ่นในระยะยาว

ในแรกเริ่มทีมงาน IT ของผลธัญญะนั้นก็ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการทำ DR รูปแบบต่างๆ ก่อน โดยทางเลือกหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณานั้นก็คือการนำสาขาต่างจังหวัดของผลธัญญะเองมาใช้เป็น Data Center สาขาสำรอง แต่จากการทดสอบเบื้องต้นนั้นก็พบประเด็นปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านความเร็วของระบบเครือข่าย และการลงทุนสร้าง Data Center ใหม่ให้ได้มาตรฐานนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อีกทั้งทีมงาน IT ของผลธัญญะเองนั้นเองก็มีจำนวนไม่มากนัก แต่กลับมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลระบบสำหรับผู้ใช้งานกว่า 240 คน หากเกิดเหตุการณ์จริงๆ ขึ้น หากต้องเสียเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานที่สาขาสำรองอีกก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก

เมื่อพบกับอุปสรรคดังกล่าว ทางผลธัญญะจึงได้ตัดสินใจพิจารณาบริการ Cloud ภายในประเทศไทย เนื่องจากไม่ต้องการนำข้อมูลสำคัญทางธุรกิจของตนเองไปฝากไว้ที่ Data Center ต่างประเทศทั้งด้วยความไม่มั่นใจและความเสี่ยงที่ระบบงานต่างๆ จะไม่สามารถใช้ได้หาก Internet ข้ามประเทศมีปัญหา ซึ่งจากการทดสอบระบบของผู้ให้บริการ Cloud ในประเทศไทยแล้ว ก็ถือว่าเป็นที่พอใจด้วย Bandwidth ที่ดี, Latency ที่ต่ำ อีกทั้งยังมีการใช้งาน VMware เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง ซึ่งก็เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ผลธัญญะใช้งานภายใน Data Center ของตนเองอยู่แล้ว

Disaster Recovery อย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ ต้องผสาน Hybrid Cloud เพิ่มทางเลือกในการสำรองและกู้คืน

credit : Shutterstock

หลังจากวิเคราะห์ความต้องการทางเทคนิคและได้ทดสอบโซลูชันที่หลากหลายแล้ว ฝ่าย IT ของผลธัญญะก็พบว่าการทำ DR ที่เพียงแค่ Replicate ข้อมูลหรือระบบต่างๆ ไปยัง Data Center อีกแห่งนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง เนื่องจาก Scenario ในการกู้คืนระบบหรือข้อมูลนั้นจะสามารถทำได้อย่างจำกัด และยังมีความวุ่นวายในการทำ Failover เชิงของระบบเครือข่ายตามมาอีกด้วย

ทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้และถูกใช้งานในกรณีนี้ คือการเชื่อมระบบเครือข่ายภายใน Data Center ของผลธัญญะเข้ากับระบบ Cloud ของผู้ให้บริการโดยตรง เพื่อให้ระบบเครือข่ายเหล่านี้ทำงานร่วมกันได้ที่ระดับ Layer 2 โดยมี Latency ที่ต่ำมาก ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ ที่จะทำให้ผลธัญญะต้องสลับไปใช้ระบบที่สำรองเอาไว้บน Cloud ทางผลธัญญะเองก็จะมีทางเลือกที่จะสลับไปใช้งานเฉพาะระบบบางส่วนที่มีปัญหา หรือสลับทั้งส่วนของ Application และ Database ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปยังระบบสำรองเลย ทำให้การใช้เวลาในการกู้คืนระบบหรือข้อมูลต่างๆ นั้นมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นในหน้างานจริงๆ ลงได้

เลือก SiS Cloud นำโซลูชัน VMware Cloud ทำงานร่วมกับ Data Center ที่มีอยู่เดิมด้วย VMware NSX

credit : SiS Cloud

ในการทดสอบเทคโนโลยีของผู้ให้บริการ Cloud รายต่างๆ นั้น สุดท้ายทางผลธัญญะได้ตัดสินใจเลือกใช้บริการของ SiS Cloud ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VMware Cloud ภายในประเทศไทยให้ทำหน้าที่เป็น Cloud Data Center สำหรับทำ Hybrid Cloud ร่วมกัน เนื่องจากทีมงานของ SiS Cloud นั้นมีการนำเสนอโซลูชันที่น่าสนใจด้วยการใช้ VMware NSX มาช่วยเชื่อมต่อ Data Center ทั้งสองเข้าด้วยกันให้ระบบเครือข่ายกลายเป็นผืนเดียวกัน และยังมีทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชัน Backup และ DR มาช่วยทดสอบให้เห็นการทำงานจริงได้อย่างชัดเจน

การทำ Hybrid Cloud ด้วยโซลูชันของ VMware ทั้งหมดในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะตอบโจทย์ด้าน RTO และ RPO ที่ดีในระบบ DR เท่านั้น แต่ยังทำให้การทำงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องนั้นกลายเป็นแบบอัตโนมัติหรือ Automate ได้อีกด้วย ดังนั้นในสถานการณ์การทำงานจริง ความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นจากการสลับระบบที่ซับซ้อนนี้ก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย

วางแผนเสริมแกร่งระบบ BCP นำ VDI เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานจากระยะไกล ปรับสู่ HCI ลดความซับซ้อนภายใน

สำหรับในอนาคต ทางผลธัญญะเองก็มองว่าการทำ BCP ยังคงสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก โดยเดิมทีทางผลธัญญะก็ได้มีการทดสอบใช้เทคโนโลยีด้าน Virtual Desktop Infrastructure หรือ VDI อยู่บางส่วนแล้ว เพื่อให้พนักงานหรือทีมงานสามารถเข้าถึงระบบงานต่างๆ ได้จากระยะไกลและทำงานทุกอย่างได้เสมือนมาทำงานที่ออฟฟิศจริงๆ หากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ขึ้น ซึ่งแนวทางนี้ก็มีผลตอบรับที่ค่อนข้างดี และมีแผนที่จะขยับขยายระบบ VDI นี้ให้มีความครอบคลุมต่อพนักงานแผนกต่างๆ มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ทางผลธัญญะเองก็กำลังพิจารณาการใช้งาน Hyperconverged Infrastructure หรือ HCI สำหรับทดแทน Data Center ภายในองค์กรอยู่ด้วย เพื่อลดความซับซ้อนภายในระบบเดิมที่เคยมีอยู่ และง่ายต่อการดูแลรักษาหรือการเพิ่มขยายในอนาคต

ก่อนเลือกใช้ Cloud ต้องทดสอบให้ดี เทคโนโลยีที่ดีต้องมาคู่กับบริการมืออาชีพ

สุดท้ายแล้วทีมงาน IT ของผลธัญญะก็ได้สรุปข้อคิดที่ได้จากการทำโครงการ BCP ในครั้งนี้ ว่าถึงแม้การเลือกใช้งานบริการ Cloud ภายในประเทศไทยจะเป็นทางเลือกที่สะดวกและง่ายดาย แต่หากจะให้ดีขึ้นไปอีกก็ควรต้องทำการทดสอบการใช้งานจริง เพื่อทดสอบทั้งประเด็นด้านเทคโนโลยี และฝีมือของทีมที่จะมาให้บริการด้วยว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้หรือไม่ เพราะหากทีมงานที่มาให้บริการนั้นทำงานได้ดี สามารถสื่อสารให้เข้าใจในเทคโนโลยีเชิงลึกต่างๆ และช่วยแก้ไขปัญหาได้จริง การทำงานจริงก็ยิ่งราบรื่นมากขึ้นไปอีก และทีมงาน SiS Cloud ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี

อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจนั้น ก็คือในการแก้โจทย์ปัญหาด้าน BCP นั้นมีหลากหลายเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการพิจารณาเทคโนโลยีให้หลากหลายนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ในขณะที่การทดสอบการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโซลูชันรายต่างๆ เองก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเรียนรู้มุมมองหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน การเรียนรู้ทางเลือกที่หลากหลายและทดสอบความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้ให้มั่นใจก่อนตัดสินใจจึงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากของการทำโครงการในครั้งนี้

สนใจบริการ VMware Cloud ติดต่อ SiS Cloud ได้ทันที

SiS Cloud Services เป็นผู้ให้บริการ Cloud Service แบบครบวงจรในประเทศโดยบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจ IT Distribution เราเน้นบริการที่มีคุณภาพสูงในราคาที่ย่อมเยาและสามารถสร้างสรรค์โซลูชั่นให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละรายเพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพในการให้บริการ บริการของ SiS Cloud Services อยู่ในศูนย์ข้อมูล 2 แห่ง ได้แก่ Interlink IDC และ Genesis Data Center ซึ่งผ่านมาตรฐาน ISO 27001:2013 และ Tier 3 Data Center ในปัจจุบันเรามีผู้ใช้บริการกว่า 100 ราย ครอบคลุมองค์กรทุกระดับและทุกกลุ่มอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็น Insurance, Oil & Gas, Healthcare, Transportation, Manufacturing, Education และ Government Agency

สำหรับผู้ที่สนใจในบริการ VMware Cloud หรือโซลูชันอื่นๆ จาก VMware สามารถติดต่อทีมงาน SiS Cloud ได้ทันทีที

Line: @siscloud

Website: https://www.siscloudservices.com/

Tel: 0-2020-3652

Email: cloud@sisthai.com

เกี่ยวกับ VMware Cloud Provider Program (VCPP)

โครงการ VCPP นี้คือโครงการที่ได้ผสานรวมเอาบริการ VMware Software-as-a-Service เข้ากับเหล่าผู้ให้ริการ VMware Service Provider Partners ทั่วโลก เพื่อให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถใช้งานบริการ Cloud ที่มีเทคโนโลยีของ VMware เป็นเบื้องหลังได้ผ่านทางผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน

ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ให้บริการด้าน IT ที่ได้เข้าร่วมโครงการ VCPP มากกว่า 20 รายแล้ว ดังนั้นธุรกิจไทยจึงสามารถเลือกใช้งานบริการ Cloud ภายในประเทศที่ให้บริการเทคโนโลยีของ VMware และเชื่อมต่อระบบ Data Center ภายในธุรกิจองค์กรเข้ากับบริการ Cloud เหล่านี้สู่ภาพของ Hybrid Cloud หรือทำ Disaster Recovery ได้ทันที โดยมีทีมงานคนไทยคอยให้บริการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด

ผู้ที่สนใจใช้บริการ VMware ในรูปแบบของการคิดค่าใช้จ่ายตามจริง สามารถติดต่อทีมงานของ VMware ประจำประเทศไทยได้ที่คุณปลา 081-913-3347 หรืออีเมล์ kemwat@vmware.com หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VCPP ได้ที่ https://www.vmware.com/partners/service-provider.html และสามารถตรวจสอบสถานะของบริษัทต่างๆ ที่เป็น VCPP ได้ที่ https://cloud.vmware.com/providers/

โดย:

Manachai Prombuadee : IT Manager

(มานะชัย พรหมบัวดี : ผจก. แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT))

Kittisak Wongbunma : Section Head Administrator

(กิตติศักดิ์ วงศ์บุญมา : หัวหน้าส่วนดูแลระบบ)

Ready to find out more?
Start for Free Trial!